การปฏิเสธเคมีบำบัด: ข้อควรปฏิบัติและสิ่งที่ต้องพิจารณา

การปฏิเสธเคมีบำบัด: ข้อควรปฏิบัติและสิ่งที่ต้องพิจารณา

    ขึ้นชื่อว่าเคมีบำบัด ไม่มีใครอยากได้รับ แต่การหลีกเลี่ยงอาจส่งผลตามมาอย่างร้ายแรง เช่น การแพร่กระจายของโรคทั้งที่ควรจะควบคุมได้ การกลับมาเป็นซ้ำทั้งที่ควรจะหายขาด รวมถีงคุณภาพชีวิตกรณีมะเร็งลุกลามก่อนที่จะเสียชีวิต ดังนั้นการปฏิเสธเคมีบำบัด ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและมีข้อมูลที่เหมาะสมในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยสามารถแจ้งแพทย์ถึงความกังวลที่มี เพื่อพิจารณาร่วมกันกับแพทย์
ข้อมูลที่ควรมี ก่อนการปฏิเสธเคมีบำบัด 💉
1. ชนิดของเซลล์มะเร็ง แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาจากผลการตรวจชิ้นเนื้อ เซลล์มะเร็งบางชนิด บางระยะ แพทย์อาจพิจารณาไม่ให้ยาเคมีบำบัด เช่น Luminal A บางกรณี อาจไม่มีความจำเป็นต้องให้เคมีบำบัด
2. การพิจารณาตัวรับฮอร์โมน หากเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยมีตัวรับฮอร์โมน แพทย์สามารถเลือกใช้การรักษาแบบมุ่งเป้า Target therapy หรือ ฮอร์โมนบำบัด Hormone therapy ร่วมหรือทดแทนการให้ยาเคมีบำบัดได้
3. การตรวจทางพันธุกรรมของมะเร็ง Genomic Test เพื่อประเมินความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งปัจจุบันมีการตรวจที่สามารถทำนายการตอบสนองต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัดได้ ตัวอย่างเช่น
–   Oncotype DX เป็นการตรวจยีน  จำนวน 21 ยีนในชิ้นเนื้อมะเร็ง (ต้องได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งก่อน ไม่ใช้ตรวจในผู้ที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย) การตรวจนี้จะคำนวณคะแนนความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำ หากคะแนนต่ำ แพทย์อาจพิจารณาไม่ใช้ยาเคมีบำบัด
–  MammaPrint เป็นการตรวจยีน 70 ยีน จากชิ้นเนื้อมะเร็งเช่นกัน เพื่อจัดกลุ่มความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำว่าต่ำหรือสูง ในกรณีเป็นกลุ่มความเสี่ยงต่ำ ผู้ป่วยสามารถรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมนโดยไม่ต้องรับยาเคมีบำบัด ในกรณีผลออกมาเป็นกลุ่มความเสี่ยงสูง ผู้ป่วยมีโอกาสสูงที่มะเร็งจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากการได้รับยาเคมีบำบัดเพื่อลดความเสี่ยงการกลับมาเป็นซ้ำในอนาคต
     การปฏิเสธเคมีบำบัดควรมีข้อมูลมากเพียงพอ และหากจำเป็นต้องได้รับยาเคมีบำบัด แพทย์จะพิจารณายาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อหวังผลในระดับต่างๆเช่น การหายขาด ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ หรือประคับประคอง การปฏิเสธโดยไม่มีข้อมูลมากเพียงพอหรือปฏิเสธเนื่องจากความกลัว อาจได้รับผลที่ตามมาที่น่ากลัวกว่าหรือรุนแรงกว่า
Post Views: 419
Language »